ไนดาเรีย
(CNIDARIA)
Cnidaria (knide = ทำให้ระคายเคือง + aria = เกี่ยวข้องกับ)
- เป็นสัตว์กลุ่มใหญ่มีจำนวนกว่า
10,000 ชนิด เป็นสัตว์ในทะเลเป็นส่วนใหญ่ บางชนิดอยู่ในน้ำจืด
- ชื่อไฟลัมได้มาจากเซลล์ที่เรียกว่า cnidocytes
- diploblastic animal
- epidermis
- endodermis
- mesoglea เป็นชั้นวุ้นคั่นกลาง
- radial symmetry
- รูปร่างแบบพื้นฐานมี 2 แบบคือ polyp และ medusa
polyp
- basal disc เป็นฐาน ใช้ในการยึดเกาะกับสิ่งต่างๆ
- column (body) ส่วนลำตัวที่เป็นทรงกระบอก เป็นท่อตั้งขึ้น
- oral disc (hypostome + mouth)
- tentacle หนวดเรียงที่ขอบของ oral disc และมีการเรียงตัวอยู่บนไฮโปสโตมรอบๆช่องปากด้วย
- stalk ส่วนท้ายเรียวเล็กลง ไม่มีหน้าที่ในการย่อยอาหาร
medusa
- exumbralla / subumbralla / tentacle / velum
- manubrium / mouth
- gastrovascular cavity
radial canal ring canal
เนื้อเยื่อ
ชนิดของเซลล์
epidermis endodermis
epithelium epitheliomuscular cell (longitudinal fiber) nutritive muscular
cell (circular fiber)
interstitial cell มีมาก มีน้อย
cnidocyte มีมากที่ tentacle มีน้อยหรือเฉพาะชนิด
gland cell mucus gland มีมากที่ปากและแว่นฐาน mucus gland มีมากที่ปาก
enzymatic gland cell มีใน gasteron
nerve cell nerve net nerve net แต่เซลล์น้อย
sensory cell มีเป็น receptor มี
cnidocyte
- cnidoblast
- cnidocil
- nematocyst (capsule / lid, operculum,cap / thread)
1. penetrant ปลายท่อเข็มพิษเป็นท่อเปิด มีหนาม ใช้เจาะเข้าไปในเหยื่อ
2. glutinant มีท่อเข็มพิษเปิดลักษณะท่อเหนียว ใช้เกาะกับสิ่งต่างๆ
3. volvent เป็นท่อปิดไม่มีหนามที่ท่อ เวลาพุ่งออกจะพันรอบเหยื่อ
- paralyzing neurotoxin
เมื่อพุ่งเข็มพิษไปแล้ว cnidocyte จะไม่สร้าง nematocyst ใหม่ แต่จะมีการปรับเปลี่ยน
interstitial cell เป็น cnidocyte ใหม่
การกินอาหาร
- carnivores หนวดเป็นส่วนสำคัญในการกินอาหาร จึงมีไนโดไซต์กระจายอยู่บนหนวด
หนวดยาวไม่แตกแขนง
- batteries คือ การเรียงตัวกันเป็นกลุ่มโดยมีไนโดไซต์ขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยไนโดไซต์ขนาดเล็ก
หนวดจับอาหาร
ปาก
gasteron
กากอาหาร
การย่อย
1. extracellular digestion
enzymatic gland cell
protease ย่อย protein
2. intracellular digestion
protein ที่ย่อยแล้ว + lipid + starch
engulf เข้า nutritive cell
การหายใจ
การหมุนเวียน การขับถ่าย
- diffusion
ระบบประสาท
- nerve net
การสืบพันธุ์
- asexual reproduction - budding
1. polyp
polyp ใหม่
medusa
2. medusa
medusa ใหม่
ถ้า bud หลุดไปจะเป็น solitary แต่ถ้าไม่หลุดจะเป็น
colony
- sexual reproduction
-ส่วน ใหญ่เป็น dioecious บางชนิด monoecious
-sex cell เกิดจาก interstitial cell
-internal fertilize หรือ external fertilize
-sexual เกิดในเวลาอากาศอบอุ่น
zygote
ciliated planula larva
- metagenesis (alternation of generation)
การจำแนกประเภท
cnidaria จำแนกออกเป็น 4 class (Lutz, 1986) ดังนี้คือ
1. Class Hydrozoa
- ส่วนใหญ่มีรูปร่าง 2 แบบสลับกันในวัฏจักรชีวิต
- บางชนิดมีเฉพาะ polyp บางชนิดมีแต่ medusa
- solitary hydroid หรือ colonial hydroid
- mesoglea ไม่มี cell sex cell เกิดจาก epidermis
- hydromedusa มี velum
2. Class Cubozoa ดำรงชีวิตในทะเล medusa เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
mesoglea หนามีเซลล์อยู่ มีหนวดยาวอยู่ที่มุมทั้งสี่ของตัวถ้วย ตัวอย่างได้แก่
ตัวต่อทะเล (sea wasp) Class นี้เดิมรวมอยู่ใน Class Scyphozoa
3.Class Scyphozoa รูปร่างแบบ medusa ระยะตัวอ่อนบางระยะมีรูปร่างแบบโพลิบดำรงชีวิตในทะเล
mesoglea มี amoebocyte sex cell สร้างจาก gastrodermis
มี sensory cell
4. Class 4 Anthozoa รูปร่างแบบโพลิบทั้งหมด ดำรงชีวิตในทะเล mesoglea
มี amoebocyte sex cell สร้างจาก gastrodermis
Hydrozoa
Class Hydrozoa มีสัตว์ประมาณ 3,000 ชนิด
1. solitary hydroid
-รูปร่างแบบ polyp เช่น
Chlorohydra viridissima
Chlorella vulgaris
2. solitary medusa เช่น
Liriope และ Aglaura ไม่มีโพลิบ ตัวอ่อนเจริญเป็นเมดูซา
3. colonial hydroid
3.1. dimorphic colonial hydroid เช่น Obelia
hydromedusa มี manubrium และ radial canal 4 ท่อ ไม่มี
velum
3.2. polymorphic colonial hydroid มีโพลิบ 4 แบบ ได้แก่
gastrozooid ทำหน้าที่กินอาหาร
dactylozooid ทำหน้าที่ป้องกันตัว ไม่มีปาก เป็นหนวดยาวเส้นเดียว
มีไนโดไซต์จำนวนมาก
gonozooid ทำหน้าที่สืบพันธุ์
pneumatophore หรือถุงแก๊ส (gas sac) เป็นโพลิบที่มีลักษณะพลิกกลับด้านปากลง
Physalia (กะพรุนไฟ - Portuguese man-of-war)
Porpita
Cubozoa
Cubozoa เป็นเมดูซาที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างไฮโดรซัวกับไซโฟซัว
ตัวถ้วยค่อนข้างยาว ซึ่งอาจยาวถึง 25 ซม. รูปทรงของตัวถ้วยเป็นสี่เหลี่ยม
ไม่มีสี ลอยตัวได้ดี ที่มุมทั้งสี่ของรูปถ้วยจะมีหนวดเส้นเดียวหรือเป็นกลุ่ม
nematocyst ของต่อทะเล (sea wasps - Chiropsamus, Chironex) มีพิษร้ายแรงมาก
เฉพาะรายงานของออสเตรเลียมีคนตายมาแล้วถึง 50 คนจากแมงกะพรุน 2 ชนิดนี้
Scyphozoa
jelly fishes แมงกะพรุนทั่วๆไปมีเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวถ้วยประมาณ
2-40 ซม. แต่ตัวที่มีขนาดใหญ่มากคือ Cyanea capillata มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง
2 เมตร
scyphomedusa ต่างจาก hydromedusa ในหลายประการคือ
1. scyphomedusa ไม่มี velum
2. หนวดที่ขอบถ้วยมีตั้งแต่ 4 เส้น หรือเป็นจำนวนทวีคูณของ 4 หนวดอาจสั้นหรือยาวมากมี
cnidocyte จำนวนมาก
3. manubrium ปรับเปลี่ยนเป็นหนวดรอบปาก (oral arm) มี 4 หรือ 8
เส้น
4. ทางเดินอาหารมี gastric pouch 4 ถุง มี gastric filament ที่มีไนโดไซต์อยู่
5. radial canal แตกแขนงออกจากถุงกระเพาะเป็นจำนวนมากเนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่และไม่มีระบบหมุนเวียน
จึงต้องแตกแขนงเพื่อส่งอาหารไปให้ถึงทุกส่วนของร่างกาย
6. ไม่มี ring canal ยกเว้น Aurelia
7. gonad สร้างจาก gastrodermis และอยู่ใน gastric pouch
8. internal fertilization
Scyphozoa สกุล Aurelia มี life cycle ที่ศึกษาได้สมบูรณ์
Anthozoa
polyp (flowerlike appearance)
ดำรงชีวิตในทะเลทั้งหมดทั้งในบริเวณน้ำตื้นและน้ำลึก และพบทั้งในแถบขั้วโลกลงมาจนถึงเขตร้อน
ขนาดแตกต่างกันอย่างมาก ดำรงชีวิตเป็นตัวเดี่ยวๆ หรือเป็นโคโลนี
ส่วนใหญ่มีโครงร่างค้ำจุน
สัตว์ในคลาสนี้มีจำนวนมากที่สุดในไฟลัม แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ
sea anemones, alcyonarian corals และ zoantharian corals (stony corals)
sea anemone
(ดอกไม้ทะเล)
- โพลิบเล็กเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 5 มม. ถึง 100 มม. (10 ซม.) และโพลิบใหญ่ยาว
5 มม. ถึง 200 มม. (20 ซม.) บางชนิดก็มีขนาดใหญ่กว่านี้
- ดอกไม้ทะเลอาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบที่อากาศค่อนข้างอุ่น
ดอกไม้ทะเลจะใช้แว่นเท้ายึดเกาะกับสิ่งต่างๆในทะเล บางชนิดฝังตัวอยู่ในโคลนตมหรือทราย
- carnivorous เวลาถูกรบกวนจะหดตัวและดึงเอาหนวดและแว่นปากเข้าไปภายใน
- ดอกไม้ทะเลสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศแบบ pedal laceration
- ดอกไม้ทะเลมีเพศแยก อวัยวะสืบพันธุ์สร้างจาก gastrodermis ที่ผนังกั้นภายในช่องกลางตัว
ปะการังโซแอนทาเรีย
(stony coral)
- stony coral เป็นปะการังที่ก่อให้เกิด coral reef
- coral reef เป็นระบบนิเวศที่มีความสวยงามและน่าสนใจที่สุด
- แนวปะการังเกิดจาก hermatypic coral อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 20-22
องศาเซลเซียส น้ำที่อยู่จะต้องใส ปะการังในแนวปะการังมีหลายชนิด
Great Barrier Reef มีถึง200 ชนิด
- แนวปะการังมีลักษณะต่างกัน 4 แบบ คือ
1. fringing reef (shore reef) เป็นแนวปะการังในที่ตื้นใกล้ชายฝั่ง
ไม่มีร่องน้ำลึกหรืออาจมีร่องน้ำตื้น ลึกประมาณ 50-60 เมตร
2. barrier reef เป็นแนวปะการังที่ขนานกับแนวชายฝั่งทะเลอยู่ห่างจากชายฝั่ง
ทำให้เกิดร่องน้ำลึกระหว่างแผ่นดินกับแนวปะการัง ซึ่งอาจจะลึกกว่า 1 ไมล์
barrier reef ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Great Barrier Reef ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลียมีความยาวของแนวประมาณ
2,000 กิโลเมตร
3. atolls แนวปะการังเป็นวงกลม สูงขึ้นมาจากผิวน้ำประมาณ 10 เมตร
ทำให้เกิดทะเลสาบน้ำเค็ม (lagoon) มักเกิดบนภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วจมลง พบมากทางแปซิฟิคใต้
4. patch reef กว้างประมาณ 3-50 เมตร มักเกิดที่พื้นของทะเลสาบใน
atoll หรือในร่องน้ำของ barrier reef
- แนวปะการังด้านที่หันออกทะเลเป็นด้านหน้า (reef front) ด้านหลังแนวปะการังเรียกว่า
reef flat ซึ่งน้ำท่วมอยู่สูงประมาณไม่เกิน 1 เมตร
- ahermatypic coral เป็นปะการังที่ไม่มี zooxanthellae อาศัยอยู่ร่วมด้วย
เป็นปะการังในน้ำลึก แต่มีบางชนิดอาศัยอยู่ในน้ำตื้นด้วย ไม่มีส่วนในการสร้างแนวปะการัง
ปะการังอัลไซโอนาเรียน
(alcyonarian corals)
- มีหนวดจำนวนแน่นอน 8 เส้น และหนวดแตกแขนงออกทางด้านข้างคล้ายขนนก (pinnate
tentacle)
- โคโลนีมี mesoglea ที่บริเวณตอนล่างของโพลิบจะหนาขึ้นมากและแผ่นออกทางด้านข้างและด้านล่างต่อเนื่องกับโพลิบเป็น
coenenchyme ปกคลุมโคโลนี ผิวนอกเป็น epidermis
- endoskeleton อาจเป็น spicule หรือ spicule ที่รวมตัวกัน หรือเป็นสารโปรตีนแบบเขาสัตว์
(horny protein) รวมตัวเป็นโครงร่างภายใน
- ตัวอย่างเช่น soft coral, sea whip, sea feather, sea fan, sea pen
|